คัปปาโดเกีย ดินแดนอัศจรรย์บนผืนโลก

Image

บนโลกใบนี้ มีสถานที่ปริศนาที่ธรรมชาติสร้างไว้เป็นจำนวนมาก หลายแห่งมีความแปลกเสียจนไม่อยากเชื่อว่า สถานที่นั้นมีอยู่จริง เฉกเช่น แท่งหินสารพัดรูปทรงในคัปปาโดเกีย หนึ่งในภูมิประเทศสุดพิสดารของประเทศตุรกี

คัปปาโดเกีย มีความพิเศษได้อย่างไร?  ผมขอย้อนอดีตไป 30 ล้านปีก่อน เมื่อภูเขาไฟเออซิเยสและภูเขาไฟฮาซาน เกิดการประทุครั้งใหญ่ พ่นเถ้าถ่านลงทับถมเป็นชั้นหนากว่า 100 เมตร พอชั้นหินเริ่มเย็นตัว ภูเขาไฟก็ระเบิด ทำให้ลาวาไหลคลุมทับชั้นหินจากเถ้าถ่านเดิม จนในที่สุดกลายเป็นแผ่นดินใหม่ขึ้นมา

หากยังนึกภาพไม่ออก ให้ลองจินตนาการถึงเค้กช็อกโกแลตสักก้อน เนื้อเค้กเปรียบเสมือนชั้นของเถ้าถ่าน ส่วนลาวาคือชั้นช็อกโกแลตด้านบนสุด พอเวลาผ่านไป กระแสลม พายุฝน และหิมะ กัดกร่อนก้อนเค้กนี้ไปเรื่อยๆ จนกำเนิดเป็นร่องของหุบเขา รวมถึงแท่งหินรูปร่างประหลาดตา บางอันมีลักษณะคล้ายปล่องไฟของนางฟ้าที่อาศัยอยู่ใต้ดิน ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ ธรรมชาติใช้เวลาสรรสร้างยาวนานถึง 10 ล้านปี

เพราะภูมิประเทศของคัปปาโดเกีย มีเอกลักษณ์หนึ่งเดียวใดในโลก ปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกจึงได้ขึ้นทะเบียนคัปปาโดเกีย เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของประเทศตุรกี

Cappadocia

การเดินทางมายังคัปปาโดเกีย สามารถทำได้ 2 วิธี คือ ทางเครื่องบิน โดยมีสนามบินใกล้เคียง 2 แห่ง คือ สนามบินเมืองนีฟซีฮีร์ (Nevsehir) และสนามบินเมืองเคเซอรี่ (Kayseri)  อีกวิธีคือ รถบัส ซึ่งมีหลายบริษัทคอยให้บริการสามารถเดินทางได้จากหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศตุรกี

จุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ อยู่ในบริเวณ 3 เมือง คือ เกอเรเม่ อุชิซาร์ และอูกูปร์ (Goreme, Uchisar, Urgup) ผมเลือกเดินทางไปยังเมืองเกอเรเม่ โดยผมเดินทางด้วยรถบัสเที่ยวกลางคืนจากเมืองปามุคคาเล่ (อีกหนึ่งภูมิประเทศสุดพิสดารของตุรกี หากมีโอกาส ผมจะแนะนำให้รู้จักในโอกาสต่อไป) ใช้เวลาเดินทาง 9 ชั่วโมง หากใครนั่งต้องการรถบัส ควรย้ำกับคนขับ เพื่อความมั่นใจว่ารถจะไปส่งถึงเมืองเกอเรเม่ เพราะบางครั้งมีผู้โดยสารจำนวนน้อย รถบัสจะส่งผู้โดยสารแค่เพียงเมืองนีฟซีฮีร์ ทำให้ต้องนั่งรถตู้มาอีกต่อหนึ่ง

Goreme

เหตุผลที่ผมเลือกเกอเรเม่ เพราะในช่วงศตวรรษที่ 9  เกอเรเม่เป็นเมืองที่มีความสำคัญอย่างมากทางด้านศาสนา ชาวคริสต์แห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ กำหนดให้เกอเรเม่เป็นศูนย์กลางการเผยแพร่ศาสนา มีการสร้างถ้ำในภูเขาไฟ เพื่อใช้เป็นโบสถ์ และใช้หลบภัยจากการรุกรานของศัตรูทางศาสนา โบสถ์ในถ้ำที่ถูกค้นพบในเกอเรเม่นั้นมีจำนวนมากกว่า 30 แห่ง รัฐบาลตุรกีเล็งเห็นถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ จึงเข้าบูรณะ และอนุรักษ์พื้นที่ให้เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งเกอเรเม่ จนในปี ค.ศ.2006 ยูเนสโก้ลงมติให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นมรดกโลกอีกหนึ่งแห่งของประเทศตุรกี

เกริ่นถึงมนุษย์ถ้ำ ผมเชื่อว่าหลายคนคงสนใจอยากลองใช้ชีวิตในถ้ำดูบ้าง แน่นอน … คนในพื้นที่ก็รู้ความต้องการของนักท่องเที่ยว โรงแรมจำนวนมากในเขตคัปปาโดเกีย รวมถึงเมืองเกอเรเม่ จึงมีการสร้างห้องพักในภูเขาแบบถ้ำ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ

ผมเองก็มีโอกาสสวมบทบาทมนุษย์ถ้ำ 2 คืน ห้องพักของผมมีลักษณะสี่เหลี่ยม เพดานเตี้ย มีเพียงแค่ประตู และหน้าต่างเล็กๆ เป็นช่องระบายอากาศ ส่วนเครื่องปรับอากาศกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็น เพราะหินควบคุมอุณหภูมิของห้องเย็นสบายตลอดปี แต่สภาพห้องแบบนี้อาจไม่เหมาะสำหรับคนกลัวที่แคบ และผู้ที่มีอาการแพ้กลิ่นอับชื้นจากหิน

Church in the soft volcanic tuff

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวอย่างพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่แล้ว ยังมีสถานที่อื่นๆ น่าสนใจในเขตคัปปาโดเกียอีกเป็นจำนวนมาก เช่น เมืองใต้ดินเดรินคุยุ (Derinkuyu) เมืองใต้ดินขนาดใหญ่ อายุนับพันปี เกิดจากการเจาะหินให้เป็นห้องใต้ดิน แบ่งเป็น 8 ชั้น ความลึกรวม 60 เมตร โดยแต่ละห้อง มีขนาด และวัตถุประสงค์การใช้งานต่างกัน เช่น โบสถ์ ห้องเรียน คลังเก็บอาหาร ห้องประชุม โรงบ่มไวน์ รวมถึงบาร์เหล้า เปรียบประหนึ่ง ซิตี้คอมเพล็กซ์ ซึ่งเมืองใต้ดินแห่งนี้ เคยมีผู้พักอาศัยเป็นจำนวนมากถึง 20,000 คน! … เหลือเชื่อใช่ไหมครับ?

Underground city

เมื่อเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว กิจกรรมที่ห้ามพลาดเด็ดขาด  คือ การขึ้นบอลลูนดูพระอาทิตย์ขึ้นเหนือน่านฟ้าคัปปาโดเกีย ถึงสนนราคาจะสูงสักหน่อย (ราว 4,000 บาทต่อคน ทั้งนี้ราคาขึ้นอยู่กับบริการของแต่ละบริษัท) สำหรับผมแล้ว มันคือประสบการณ์อันล้ำค่า เพราะทิวทัศน์คัปปาโดเกียจากมุมสูง สวยงามเป็นอย่างมาก

ตั้งแต่เวลา 4:00 น. ของแต่ละวัน รถตู้ของบริษัทบอลลูน จะทยอยรับนักท่องเที่ยวจากโรงแรมต่างๆ เพื่อให้ทันก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เมื่อถึงบริเวณปล่อยบอลลูน เจ้าหน้าที่จะตระเตรียมความพร้อมของผู้โดยสาร ตรวจสอบสภาพของบอลลูนอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนเป่าลมจนบอลลูนขนาดยักษ์อ้วนอิ่ม

ผู้โดยสารเกือบ 30 คน เริ่มเข้าไปยืนอยู่ในกระเช้าซึ่งมีความสูงประมาณ 1 เมตร นั่นสูงพอที่จะลดความประหม่าของผมลงได้ หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จึงเข้ามาอธิบายมาตรการความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉิน ทันทีที่อธิบายจบ กัปตันส่งสัญญาณให้ทุกคนเตรียมตัว และเมื่อทุกคนพร้อม … บอลลูนยักษ์ก็ค่อยๆ ลอยสูงขึ้นๆ เติมสีสัน ประดับท้องฟ้าเหนือเมืองเกอเรเม่ยิ่งดูงดงามตระการตา

Cappadocia2

ผมนึกย้อนถึงความรู้สึกเวลานั้น ยังจำไม่ลืมว่า ตัวเองตื่นเต้นขนาดไหน วิวจากด้านบนนี้ บอกได้เลยว่า “ยิ่งใหญ่ สวยงาม จนแทบลืมหายใจ” เมื่อมองจากมุมสูง ทำให้ผมประมวลภาพจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคัปปาโดเกียเมื่อหลายล้านปีก่อนได้ชัดเจนมากขึ้น ภูเขาไฟต้นเหตุทั้ง 2 ลูก แยกออกถึงความแตกต่างระหว่างชั้นหินเถ้าถ่านภูเขาไฟ และชั้นหินลาวา รวมถึงร่อยรอยของกระบวนการของธรรมชาติ ผู้สร้างงานประติมากรรมชวนพิศวงเหล่านี้

เสียงกัปตันแจ้งว่าบอลลูนกำลังลดระดับจากความสูง 3,600 เมตร ลงกลางหุบเขาแห่งหนึ่ง จนอยู่ระนาบเดียวกับต้นแอปริคอตป่า ผมพยายามเอื้อมมือคว้าผลของมันถึง 4 ครั้งจึงสำเร็จ ผมกำแอปริคอต 1 ผลนั้นไว้แน่นราวกับเหรียญทองแห่งชัยชนะ ถึงรสชาติจะแย่ไปสักนิด แต่ผมก็มีความสุข และสนุกไปกับประสบการณ์สิ่งที่ได้ลองทำ ช่วงเวลาบนฟ้าครั้งนั้น ยังเป็นความทรงจำอันสุดวิเศษของผมจนถึงทุกวันนี้ …